สวนผักดอย OK Farm Stay
ตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ เส้นทางแห่งทิวสนที่ใครหลายคนชื่นชอบเก็บภาพประทับใจเมื่อมาเยือนถนนสายนี้ อีกจุดหมายปลายทางที่พลาดไม่ได้ที่ “สวนผักดอยโอเค Farm Stay” เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบ หรือสนใจการทำเกษตรอินทรีย์ และสัมผัสวิถีวัฒนธรรมชาวลัวะไปพร้อมกัน เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2565 TOCA นำคณะผู้ประกอบการโรงแรมรายาเฮอริเทจ โรงแรมแทมมิรีนวิลเลจ และAraksa Tea Garden ผู้บริหารจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ด้านนโยบายและแผน พร้อมด้วยท่านเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ ท่านปลัดอาวุโสอำเภอฮอด และท่านนายกเทศบาล เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย บรรยากาศการต้อนรับอันอบอุ่นตามวิถีชาวลัวะสักการะอนุสาวรีย์ขุนหลวงวิลังคะด้วยสวยดอก จากนั้นทำความรู้จักถึงที่มาที่ไปของสวนผักดอยโอเค ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มผักกะดอย มาร่วมจัดเตรียมกิจกรรมอย่างคับคั่งถือเป็นการร่วมเรียนรู้ไปพร้อมกัน ผู้ร่วมทริปได้สมัครสมาชิก TOCA เตรียมพร้อมสะสมคะแนน Earth Points ระหว่างกิจกรรม ได้เรียนรู้การดูแลแปลงผักอินทรีย์ด้วยมูลไส้เดือน แหนแดง และลงมือร่วมปลูกผัก อีกด้านช่วยกันตัดวอเตอร์เคสสำหรับเมนูแกงจืด นอกจากนั้นยังมีเมนูอาหารชาวลัวะได้แก่ ข้าวเบอะ หรือข้าวเบือ อร่อยถูกปากหลายๆ คน ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนจากผักและไข่ในสวน ขนมเทียนหวานๆ หนึบส่วนผสมที่น่าสนใจจากเคล มัน และฟักทอง เคล้าคลอเสียงดนตรีสดจากสมาชิกกลุ่ม ภาคบ่ายนั่งรถชมวิถีการทำเกษตรในชุมชนบ้านวังกอง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตผักใหญ่แห่งหนึ่ง ก่อนสรุปกิจกรรมเพื่อการปรับปรุงกิจกรรมครั้งถัดไป ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรมนอกจากได้รู้จักกับเกษตรกรโดยตรงแล้วยังเป็นโอกาสการเจรจาซื้อขายผลผลิตได้ด้วย
ขึ้นเหนือเตรียม Organic Tourism#2
TOCA ลงพื้นที่สำรวจสถานที่เตรียมกิจกรรมท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ ณ สวนฉันกับเธอ อ.แม่จัน จ.เชียงราย หนึ่งในสวนเกษตรอินทรีย์ในเครือข่ายพีจีเอส ออแกนิค เชียงราย นำโดยคุณสุพจน์ หลี่จา และคุณสุนีพร หลี่จา หรือคุณชิโอะ จะพาให้หลงรักเสน่ห์ชาวกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู ซึ่งให้ความสำคัญเรื่องการรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่น การเกื้อกูลกันของสิ่งแวดล้อม การใช้อาหารเป็นยา และการเกษตรนำไปสู่การทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม สุขภาพ สร้างรายได้เพิ่มจากการแปรรูปสินค้า และเป็นตัวอย่างการเรียนรู้ให้กับชุมชน นอกจากนี้ยังจัดตั้งสมาคมสร้างเสริมสุขภาวะชุมชนชาติพันธุ์ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารเริ่มต้นจากการเก็บเมล็ดพันธุ์พื้นเมืองต่างๆ และส่งเสริมองค์ความรู้อีกด้วย ทางสวนฉันกับเธอปลูกพืชผสมผสานทั้งข้าวพันธุ์พื้นเมือง พืชผัก พืชหัว เช่น บุก มัน เผือก และโกโก้ เป็นต้น จากจุดเริ่มต้นไฟไหม้สวนกาแฟทำให้คุณสุพจน์และคุณสุนีพร หันมาทดลองปลูกโกโก้แทน ควบคู่กับการเรียนรู้ในการบำรุง ดูแล การเก็บเกี่ยว กระบวนการหมัก และเรียนรู้การแปรรูปโกโก้ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยมีแนวคิดการใช้อุปกรณ์ครัวง่ายๆ แปรรูปก่อนเพื่อสร้างการเรียนรู้และถ่ายทอดให้กับเกษตรกรรายย่อยสามารถทำเองได้ นอกจากนี้หากใครชื่นชอบบรรยากาศสามารถพักค้างคืนกับเจ้าของสวน หรือกางเต็นท์ได้ โดยมีกิจกรรมยามเย็นรอบกองไฟ ร้องเล่นเต้นรำ ตำข้าวปุก ชมหิ่งห้อยริมลำธาร กิจกรรมที่น่าสนใจ1. เรียนรู้เรื่องการเกื้อกูลอาศัยกับธรรมชาติ ภูมิปัญญาทางด้านอาหารพื้นถิ่น 2. วัฒนธรรมอาหารลีซู การกินอาหารเป็นยา3. เรียนรู้การแปรรูปโกโก้จากต้น สู่ช็อกโกแลตในบาร์ ทดลองทำด้วยตนเอง แปลงปลูกพืชหัว กับทิวทัศน์การทำเกษตรรอบข้าง ศาลาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทางชันขึ้นเขาดูการจัดการสวนโกโก้ และการอยู่ร่วมกันของธรรมชาติ สวนฉันกับเธอคาเฟ่ สะพานไม้ไผ่จากแรงใจชาวบ้านในชุมชน
MOU-Krabi Zero Ghost Net
กระบี่ เป็นจังหวัดที่อาชีพเกษตรและประมงช่วยสร้างรายได้สูง ด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรทางทะเลและการเติบโตด้านการท่องเที่ยว จึงมีการเติบโตของจำนวนผู้ประกอบอาชีพประมงอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรทางธรรมชาติจากการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะขยะตกค้าง จากแห อวน และอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำประมงที่มีอายุในการใช้งานไม่นานนัก และไม่ได้จัดการอย่างเหมาะสมในพื้นที่ชายฝั่ง และในทะเล ซึ่งส่งผลต่อทัศนียภาพ เป็นอันตรายต่อสัตว์ทะเล มูลนิธิกระบี่ยั่งยืน เล็งเห็นถึงการลดปริมาณขยะสามารถบริหารจัดการได้จากต้นทางหรือบนชายฝั่ง โดยการลดปริมาณการเกิดขยะพลาสติกประเภทแหอวนในทะเลกระบี่ โดยการจัดการจากต้นทางผ่านการรับซื้อในรูปแบบธนาคารขยะ โดยนำทรัพยากรจากขยะส่งต่อให้ผู้รับซื้อ (Supplier) ที่ให้ความสำคัญในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านโครงการทะเลปลอด (เศษ) อวน (Net Free Seas) ดำเนินการโดยมูลนิธิ EJF และให้ราคาที่เป็นธรรมเพื่อดึงดูดการนำส่งขยะแหอวน และเข้ากองทุนชุมชนเพื่อให้ชุมชนสามารถบริหารจัดการธนาคารได้ด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน รวมถึงการส่งต่อให้ผู้ผลิตเพื่อแปรรูปหรือพัฒนาเป็นสินค้าใหม่ ตามแนวทางการขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและสิ่งแวดล้อม TOCA ร่วมกับมูลนิธิกระบี่ยั่งยืน วิสาหกิจชุมชนเลี้ยงผึ้งบ้านไหนหนัง มูลนิธิความยุติธรรมเชิงสิ่งแวดล้อม ลงนามข้อตกลงร่วม MOU ในการดำเนินงานเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2565 ณ โรงแรมกระบี่รีสอร์ท โดย TOCA จะใช้เครื่องมือ Waste Management System ในการบันทึกข้อมูลขยะจากการทำประมง เช่น แห อวนเก่า รวมถึงการจัดการขยะต่อเพื่อสะท้อนถึงการดำเนินงานนี้สามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอน ฟุตปริ้น ช่วยสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นได้
Coco Valley Resort จ.น่าน
นึกถึงช็อกโกแลต จังหวัดน่าน ต้องนึกถึง Coco Valley Resort ซึ่งมุ่งมั่นรักษาและส่งต่อความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ ผ่านผลผลิตโกโก้อินทรีย์ ตั้งแต่การปลูก ดูแล เก็บผลผลิต หมัก ตาก และการแปรรูปเมล็ดโกโก้เป็นช็อกโกแลต 100% นำไปสู่การเปิดร้าน Cocoa Valley Cafe’ ซึ่งมีเมนูเครื่องดื่ม ของหวานจากช็อกโกแลตมากมายให้เลือกซื้อ เลือกลิ้มลอง Coco Valley ยังช่วยชาวบ้านผู้ปลูกโกโก้ ด้านความรู้การปลูกและดูแลตามมาตรฐานอินทรีย์วิถีไทย Earth Safe และเป็นแหล่งรับซื้อผลผลิตเพื่อนำมาแปรรูปต่อไป ซึ่งคุณจารุวรรณ จิณเสน เจ้าของกิจการเล็งเห็นโอกาสเติบโตของอุตสาหกรรมช็อกโกแลตซึ่งมีผลตอบรับที่ดีส่งผลให้เกิดการขยายพื้นที่การให้บริการคาเฟ่กว้างมากขึ้น ทั้งนี้สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA) และคณะผู้บริหารการท่องเที่ยวไทย (ททท.) ด้านนโยบายและแผน พร้อมด้วยททท.สำนักงานน่าน เข้าพบเพื่อนำเสนอและหารือการขับเคลื่อนงานในจังหวัดน่าน เพื่อร้อยห่วงโซ่อาหารอินทรีย์ส่งต่อสู่ผู้บริโภคหรือนักท่องเที่ยวได้ โดยใช้เครื่องมือ TOCA Platform โดยคุณจารุวรรณให้ความสนใจและพร้อมที่จะเรียนรู้ร่วมดำเนินงานต่อ ซึ่งจะมีการนัดหมายสำรวจพื้นที่เพื่อเข้าใจบริบทการบริหารกลุ่มเกษตรกรในการออกแบบใช้งานแพลตฟอร์ม
การดำเนินงานพื้นที่จ.น่าน
TOCA ขยายการดำเนินงานขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์ในพื้นที่จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2565 โดยประสาน Local Facilitator กลุ่มกิจการเพื่อสังคมไร้ควัน (Haze Free Social Enterprise Group: Haze Free SE) ดำเนินงานครอบคลุมพื้นที่จังหวัดน่าน และเชียงใหม่ ร่วมกับเครือข่ายเกษตรกรที่สนใจการปรับเปลี่ยนเป็นวิถีการเกษตรใหม่โดยการใช้ระบบการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม (Participatory Guarantee System: PGS) เป็นเครื่องมือที่ใช้ส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกรรายย่อยและสร้างระบบการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ที่สร้างระบบการตลาดที่มั่นคง รวมถึงการพัฒนาศักยภาพและความสามารถของเกษตรในระบบเกษตรอินทรีย์อย่างถูกต้องซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันให้แก่เกษตรกรตลอดห่วงโซ่การผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ ซึ่ง TOCA เล็งเห็นศักยภาพในการดำเนินงานความต่อเนื่องพัฒนาศักยภาพเกษตรกร ขยายช่องทางตลาดผ่าน TOCA Platform และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ ผู้บริโภคด้วยระบบการรับรองแบบมีส่วนร่วม พีจีเอส จากการหารือทาง Haze Free SE จะวางแผนการดำเนินงานต่อไป
ร่วมเสวนา อนาคตท่องเที่ยวไทย
สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA) โดยคุณอรุษ นวราช นายกสมาคมฯ ร่วมการเสวนาในหัวข้อ “Co-creation in Tourism Ecosystem” ร่วมกับคุณน้ำฝน บุณยะวัฒน์ รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และคุณปริวรรต วงษ์สำราญ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 ททท. จัดงานเสวนา อนาคตท่องเที่ยวไทย (Strategic Leader Talk) ในฐานะ Strategic Leader ผู้ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวคุณภาพอย่างยั่งยืน ตามแผนวิสาหกิจ ททท. พ.ศ. 2566-2570 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงานเสวนาออนไลน์“อนาคตท่องเที่ยวไทย (Strategic Leader Talk)” ภายใต้หัวข้อ “TOURISM ONWARD : Moving Together” เพื่อสื่อสารทิศทางของแผน วิสาหกิจ ททท. พ.ศ.2566-2670 และสร้างความเข้าใจอันดีร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว น าสู่ความส าเร็จตามวิสัยทัศน์ของ ททท. ในฐานะ Strategic Leader มุ่งสร้างการท่องเที่ยวคุณภาพอย่างยั่งยืน ยกระดับองค์กรสู่องค์กรสมรรถนะสูง ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 เวลา 13.30 – 16.00 น. ทางโปรแกรม Zoom และ Youtube : Amazing Thailand นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. ได้ศึกษาถอดบทเรียนและระดมความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายใต้แนวทางการบริหารความเสี่ยงในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และจัดท าแผนวิสาหกิจ ททท. พ.ศ. 2566-2570 หรือแผนยุทธศาสตร์ระยะ 5 ปี เพื่อเป็นกรอบ ในการด าเนินงานขององค์กร ทั้งในด้านการตลาดการท่องเที่ยวและการบริหารจัดการองค์กรให้สอดรับกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Economy Model และ Happy Model ของรัฐบาล และความท้าทายด้านเศรษฐกิจและสังคมที่เพิ่มขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ในการนี้ เพื่อเป็นการสื่อสารทิศทางตามแผนวิสาหกิจฯ และสร้างการมีส่วนร่วมผลักดันสู่ความส าเร็จตามวิสัยทัศน์ระหว่าง ททท. และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งภายนอกและภายในองค์กร ททท. จึงก าหนดจัดงานเสวนา “อนาคตท่องเที่ยวไทย (Strategic Leader Talk)” ภายใต้หัวข้อ “TOURISM ONWARD : Moving Together” ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 เวลา 13.30 -16.00 น. รับชมผ่านทางโปรแกรม Zoom และ Youtube : Amazing Thailand ฉายภาพทิศทางการด าเนินงานในปี 2566-2570 เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยในอนาคตให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตามแผนวิสาหกิจ ททท. พ.ศ. 2566-2570 ซึ่งประกอบด้วย 3 ช่วงสนทนา ได้แก่ The Trendsetter พบกับนายกล้า ตั้งสุวรรณ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวซ์ไซท์ ประเทศไทย จ ากัด พาเรียนรู้ทิศทางและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกสร้างความเข้าใจและสร้างโอกาสเป็นผู้น าเทรนด์, The Future of Tourism พบกับนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการททท. ที่จะมาสะท้อนอนาคตท่องเที่ยวไทยและทิศทางการด าเนินงานของ ททท. ในฐานะ Strategic Leader และช่วงสุดท้าย Panel Discussion : Co-creation in Tourism Ecosystem นางน้ าฝน บุณยะวัฒน์ รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน ททท., นายอรุษ นวราช นายกสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA) กรรมการผู้จัดการ สวนสามพราน และนายปริวรรต วงษ์ส าราญ ผู้อ านวยการฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการนวัตกรรม (NIA) จะร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นมุมมองใหม่ในด้านการท่องเที่ยว เพื่อร่วมกันส่งมอบประสบการณ์ทรงคุณค่าแก่นักท่องเที่ยวในมุมมองของผู้เกี่ยวข้องกับ Tourism Ecosystem สำหรับการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยภายใต้แผนวิสาหกิจ ททท. พ.ศ. 2566-2570 ททท.จะเดินหน้าในฐานะ Strategic Leader “ททท. เป็นผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยในการสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่าและมุ่งสู่ความยั่งยืน” ทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม สะท้อนทิศทางและเป้าหมายการท่องเที่ยวไทย มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดย ททท. ได้กำหนดวัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์สำคัญ (Strategic Objective) ประกอบด้วย SO1 Drive Demand: มุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน SO2 Shape Supply: สร้างคุณค่าและยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และ SO3 Thrive for Excellence: ยกระดับองค์กรสู่องค์กรสมรรถนะสูง เน้นดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพผ่านการสร้าง เรื่องราวเพื่อส่งมอบคุณค่าประสบการณ์เหนือระดับ (Storytelling and Experience-based) ผลักดันให้ผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพิ่มมูลค่าการใช้จ่ายผ่านการยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ร่วมกันขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านการท่องเที่ยว (Tourism
สสปน. ร่วมหารือการดำเนินงาน
คุณอรุษ นวราช นายกสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA) ร่วมกับคุณศุภาดา ชัยวงษ์ ผู้แทนตลาด สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคเหนือ หารือแนวทางความร่วมมือในการส่งเสริม ecosystem ของเกษตรอินทรีย์ในอุตสาหกรรมไมซ์ วัตถุประสงค์ของ TOCA เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรทำเกษตรอินทรีย์เพื่อความปลอดภัยในการบริโภค ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว โดยสมาคมจะทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมโยงระหว่างเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือและความวางใจในสินค้าอินทรีย์ และยังเป็นช่องทางตลาดของเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ ด้วยเครื่องมือ TOCA Platform ซึ่งจะช่วยยกระดับความสามารถในการผลิตของเกษตรกรอินทรีย์ให้สามารถผลิตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการทำให้เกษตรกรเห็นภาพการผลิตเพื่อธุรกิจได้ชัดเจนขึ้น และยังทำให้ผู้บริโภคได้ทราบถึงแหล่งที่มาของผลผลิตอินทรีย์เพื่อความเชื่อมั่นในการบริโภค ทั้งด้านของ demand และ supply โดยมีข้อมูลของเกษตรกรที่ทำการผลิตแบบอินทรีย์เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับทราบถึงแหล่งที่มาของผลผลิตต่างๆ มีการบันทึกข้อมูลโดยเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรวบรวมข้อมูลของผู้ประกอบการร้านอาหารที่จำหน่ายสินค้าจากวัตถุดิบอินทรีย์ รายละเอียดสินค้า ราคา สัดส่วนของการใช้วัตถุดิบอินทรีย์ ตลอดจนสามารถสืบย้อนถึงแหล่งซื้อวัตถุดิบ โดยผู้บริโภคสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นนี้ได้ฟรีเพื่อเปิดบัญชีผู้ใช้งานบนแอพพลิเคชั่นและสะสมคะแนน Earth Points จากการบริโภคสินค้าอินทรีย์ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อจากเกษตรกรโดยตรง หรือใช้บริการร้านอาหารและสถานประกอบการที่อยู่บนแพล็ตฟอร์ม โดยทุก ๆ 25 บาทของการซื้อสินค้าอินทรีย์จะได้รับ Earth Points = 1 คะแนน ความสำคัญของ Earth Points TOCA ได้พูดคุยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐหลาย ๆ หน่วยงานเพื่อให้ Earth Points เป็นดัชนีชี้วัดกลางเพื่อสะท้อนกิจกรรมด้าน Sustainability ของผู้บริโภคหรือองค์กรต่าง ๆ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติ SDG ที่หลาย ๆ องค์กรให้ความสำคัญในปัจจุบัน ในส่วนของ สสปน. เห็นชอบและอยู่ระหว่างการวางแนวทางทำงานร่วมกันต่อไป นอกจากนี้ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการเชื่อมโยงฝั่งผู้ประกอบการร้านอาหารว่า ทางสสปน. ภาคเหนือ เคยทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างร้านอาหาร Good View All Day กับสหกรณ์เกษตรอินทรีย์จังหวัดเชียงใหม่เมื่อต้นปี 2564 ซึ่งขณะนั้น ทางร้านอาหาร Good View มีความต้องการจะทำเมนูอาหารอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง แต่ประสบปัญหาคือขาดวัตถุดิบที่จะป้อนให้ตามความต้องการ หากจะผลิตเองก็ขาดบุคลากรและความรู้ความชำนาญในการผลิต จึงเสนอแก่สหกรณ์เกษตรอินทรีย์ว่าหากมีเกษตรกรรายใดที่ขาดพื้นที่การผลิตต้องการผลิตเกษตรอินทรีย์ ทางร้านยินดีสนับสนุนให้พื้นที่ผลิตฟรี และจะรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรรายนั้น ๆ อย่างต่อเนื่องด้วย ในระหว่างการดำเนินงานเพื่อคัดสรรหาเกษตรกรที่สนใจ ได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เสียก่อนจึงไม่ได้มีการดำเนินงานต่อเนื่อง ซึ่งกรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของฝั่ง demand และ supply ที่ยังไม่ตอบสนองซึ่งกันและกัน เป็นโจทย์งานสำหรับ TOCA จะสร้างสมดุลในจุดนี้ได้อย่างไร โดยสสปน. เสนอ TOCA ได้มีโอกาสนำเสนอการดำเนินงานให้กับหน่วยงานภาคเอกชนที่มีเครือข่ายผู้ประกอบการในภาคธุรกิจ ได้แก่ หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ สมาคมภัตตาคาร ร้านอาหารและสถานบันเทิง สมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นระหว่างกัน รวมทั้งสร้างโอกาสในความเชื่อมโยงทางธุรกิจต่อไป โดยนัดหมายการประชุมผ่านช่องทางซูมออนไลน์ ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565
ขึ้นเหนือเตรียม Organic Tourism#1
การท่องเที่ยวเป็นกิจกรรมหนึ่งที่หลายๆ คนปรารถนาในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ซึ่งการท่องเที่ยวสามารถนำพาความสุข แรงบันดาลใจ ถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรม และการรักษาสิ่งแวดล้อม สุขภาพได้อย่างดี เช่นเดียวกับกิจกรรม Organic Tourism ซึ่งเรียงร้อยวิถีอินทรีย์ การเพาะปลูก อาหารการกิน ศิลปวัฒนธรรม นำเสนอให้นักท่องเที่ยว ผู้บริโภคได้เรียนรู้ สร้างคุณค่าทางการตลาดให้เกษตรกร รวมถึงผู้ประกอบการที่ต้องการผลผลิตอินทรีย์สามารถเข้าถึงแหล่งผลิตที่เชื่อมั่นได้ TOCA ร่วมสร้างสรรค์กิจกรรมท่องเที่ยว ณ สวนผักดอยโอเค Farm Stay อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2565 โดยคุณธีรพงศ์ ทาหล้า เจ้าของสวนกล่าว “ทำเกษตรแล้วมีตลาด นั่นคือธุรกิจ” เป็นจุดเริ่มต้นสู่การทำเกษตรอินทรีย์ ซึ่งควบตำแหน่งนักวิชาการส่งเสริมการเกษตร สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ด้วย บอกเล่าถึงเส้นทางจากการทำเกษตรปลอดภัย ยกระดับสู่เกษตรอินทรีย์มาตรฐาน Organic Thailand เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับสมาชิกเกษตรกรในกลุ่ม พร้อมส่งเสริมความรู้ การบริหารจัดการแปลงให้ได้มาตรฐาน และผลักดันช่องทางการตลาดสร้างแรงจูงใจในการพัฒนากลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ ผักกะดอย จากการทำเกษตรปลูกพืชผักตามแนวทางหลักปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) ให้เข้าสู่วิถีอินทรีย์เช่นกัน พร้อมทั้งร่วมกับสมาชิกในชุมชนพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพื่อให้นักท่องเที่ยว ผู้บริโภคได้เข้าถึงและเข้าใจวิถีเกษตรอินทรีย์ ความน่าสนใจของกิจกรรม1. สร้างความเข้าใจให้กับนักท่องเที่ยว หรือผู้เข้าศึกษาดูงานให้เข้าใจถึงการบริหารจัดการฟาร์มที่ทำเกษตร 2 ระบบ จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นในผลผลิตอินทรีย์ได้อย่างไร – แบ่งสัดส่วนพื้นที่ทำเกษตรอินทรีย์โดยมีระยะห่างชัดเจน Buffer zone – ชนิดพืชที่ปลูกคนละชนิดโดยมีการแสดงชนิดพืชที่ยื่นขออินทรีย์ชัดเจน – อุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บเกี่ยว การแพ็คแยกกันชัดเจน2. วัฒนธรรมด้านภาษา การแต่งกาย อาหารของชาวลัวะ ซึ่งถ่ายทอดผสมผสานระหว่างการทำกิจกรรม
Farm Visit สวนเพชรการ์เด้น อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
ทีม TOCA มีโอกาสได้เยี่ยมชมสวนเพชรการ์เด้น ณ The Garden นำโดยคุณสันติ สุวัณณาคาร ซึ่งมีความสนใจเกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์ และดำเนินการทำเกษตรแบบธรรมชาติไม่ใช้สารเคมี ยึดมั่นแนวทางเศรฐกิจพอเพียงสัมพันธ์กับการทำเกษตรในฟาร์ม เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวการทำเกษตรอินทรีย์และการบริหารจัดการของฟาร์ม สำหรับพัฒนาเป็นสถานที่จัดกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการทำเกษตรอินทรีย์ได้ การเยี่ยมชมครั้งนี้ได้แลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกระบวนการทำอินทรีย์ รวมถึงรูปแบบระบบการรับรองแบบมีส่วนร่วม พีจีเอสของเครือข่าย PGS Organic Phuket ซึ่งสวนเพชรการ์เด้นค่อนข้างมีความพร้อมกับกระบวนการทำเกษตรอินทรีย์ เนื่องจากมีความรู้ความเข้าใจอยู่มากและเห็นถึงความสำคัญของวิถีอินทรีย์ ห่วงโซ่อาหารที่ปลอดภัยของสังคม จนไปถึงมีความต้องการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจการทำเกษตรอินทรีย์วิถีธรรมชาติให้กับคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวได้รับรู้และร่วมเห็นความสำคัญของการบริโภคอาหารที่ปลอดภัยกับตนเองและคนในสังคม โดยมีแผนจัดการพื้นที่บางส่วนสำหรับเป็นจุดกิจกรรมเรียนรู้สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้ามาเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์ที่ฟาร์มรวมถึงวัฒนธรรมของภูเก็ตผ่านมิวเซียมใน The Garden ได้อีกด้วย จากความตั้งใจของคุณสันติที่พร้อมเริ่มกระบวนการทำเกษตรอินทรีย์นั้นสามารถเป็นต้นแบบให้กับสมาชิกเครือข่ายเพื่อเข้ามาศึกษาเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
ประชุมกรรมการเครือข่าย PGS Organic Phuket
จากการทำงานเชื่อมผู้ประกอบการ ผู้บริโภคซื้อสินค้าอินทรีย์จากเกษตรกรอินทรีย์ ผ่าน TOCA Platform จึงเกิดการประชุมร่วมกับกรรมการเครือข่าย PGS Organic Phuket และอาจารย์กิตติศักดิ์ จิตต์เกื้อ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 ในการร่วมวางแผนโครงสร้างบริหารจัดการเครือข่าย การวางแนวทางการขับเคลื่อนและการเตรียมแผนเรื่องการอบรมผู้ตรวจแปลง ความเข้าใจเรื่องการปรับเปลี่ยนมาทำเกษตรอินทรีย์ และการใช้งาน TOCA Platform โดยมีการแลกเปลี่ยนประสบการณืทำงานการขับเคลื่อนกลุ่มพีจีเอสสามพรานโมเดล ซึ่งสามารถใช้เป็นบทเรียนในการวางแผนได้ พร้อมแนะนำมุมมองด้านการตลาดของการขับเคลื่อนแบบรวมกลุ่ม และแนะนำการวางแผนขับเคลื่อนเครือข่ายด้วยพื้นฐานของเกษตรอินทรีย์ ซึ่งพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีจำนวนผู้ประกอบการหรือตลาดรองรับสินค้าอินทรีย์อยู่เป็นจำนวนมาก การขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ของเครือข่ายสามารถทำได้ทั้งแนวทางการรวมตัวหรือการขายรายเดี่ยวเพียงแค่มีความโปร่งใส ความเชื่อมั่นของสินค้าให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคเชื่อมั่นในสินค้าเราได้ การทำ Branding ของกลุ่มการทำให้ PGS ของเครือข่ายเข้มแข็ง โปร่งใส และเชื่อมั่นได้ คือใจความสำคัญของการทำ Branding การทำเกษตรอินทรีย์ตามแนวทางของข้อกำหนด PGS อย่างถูกต้องจะสร้างผลดีให้กับเกษตรกรและพื้นที่ได้ และเป็นเครื่องมือหนึ่งที่การันตีความเป็นอินทรีย์ให้กับสินค้าและทำให้เครือข่ายเกิดความเข้มแข็งได้ คณะกรรมการมีความเห็นพร้อมกันถึงการวางโครงสร้างการบริหารจัดการเครือข่ายให้เป็นแบบแผน เพื่อทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกันและยั่งยืน และเห็นว่า TOCA Platform จะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่เอื้อประโยชน์ต่อการบันทึกกิจกรรมฟาร์มสำหรับการเริ่มต้นทำเกษตรอินทรีย์ของเครือข่าย สามารถเรียกดูรายงานกิจกรรมออนไลน์ได้ ตรวจสอบย้อนกลับข้อมูลที่ทำการบันทึกได้ รวมถึงยังเป็นช่องทางการตลาดของเครือข่ายในการเชื่อมผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้อีกด้วย คณะกรรมการจะนัดหมายเพื่อวางแผนโครงสร้างร่วมกันอีกครั้งเพื่อชี้แจงและขอความเห็นกับสมาชิกส่วนใหญ่อีกครั้ง
สวนผักดอย OK Farm Stay
ตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ เส้นทางแห่งทิวสนที่ใครหลายคนชื่นชอบเก็บภาพประทับใจเมื่อมาเยือนถนนสายนี้ อีกจุดหมายปลายทางที่พลาดไม่ได้ที่ “สวนผักดอยโอเค Farm Stay” เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบ หรือสนใจการทำเกษตรอินทรีย์ และสัมผัสวิถีวัฒนธรรมชาวลัวะไปพร้อมกัน เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2565 TOCA นำคณะผู้ประกอบการโรงแรมรายาเฮอริเทจ โรงแรมแทมมิรีนวิลเลจ และAraksa Tea Garden ผู้บริหารจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ด้านนโยบายและแผน พร้อมด้วยท่านเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ ท่านปลัดอาวุโสอำเภอฮอด และท่านนายกเทศบาล เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย บรรยากาศการต้อนรับอันอบอุ่นตามวิถีชาวลัวะสักการะอนุสาวรีย์ขุนหลวงวิลังคะด้วยสวยดอก จากนั้นทำความรู้จักถึงที่มาที่ไปของสวนผักดอยโอเค ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มผักกะดอย มาร่วมจัดเตรียมกิจกรรมอย่างคับคั่งถือเป็นการร่วมเรียนรู้ไปพร้อมกัน ผู้ร่วมทริปได้สมัครสมาชิก TOCA เตรียมพร้อมสะสมคะแนน Earth Points ระหว่างกิจกรรม ได้เรียนรู้การดูแลแปลงผักอินทรีย์ด้วยมูลไส้เดือน แหนแดง และลงมือร่วมปลูกผัก อีกด้านช่วยกันตัดวอเตอร์เคสสำหรับเมนูแกงจืด นอกจากนั้นยังมีเมนูอาหารชาวลัวะได้แก่ ข้าวเบอะ หรือข้าวเบือ อร่อยถูกปากหลายๆ คน ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนจากผักและไข่ในสวน ขนมเทียนหวานๆ หนึบส่วนผสมที่น่าสนใจจากเคล มัน และฟักทอง เคล้าคลอเสียงดนตรีสดจากสมาชิกกลุ่ม ภาคบ่ายนั่งรถชมวิถีการทำเกษตรในชุมชนบ้านวังกอง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตผักใหญ่แห่งหนึ่ง ก่อนสรุปกิจกรรมเพื่อการปรับปรุงกิจกรรมครั้งถัดไป ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรมนอกจากได้รู้จักกับเกษตรกรโดยตรงแล้วยังเป็นโอกาสการเจรจาซื้อขายผลผลิตได้ด้วย
ขึ้นเหนือเตรียม Organic Tourism#2
TOCA ลงพื้นที่สำรวจสถานที่เตรียมกิจกรรมท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ ณ สวนฉันกับเธอ อ.แม่จัน จ.เชียงราย หนึ่งในสวนเกษตรอินทรีย์ในเครือข่ายพีจีเอส ออแกนิค เชียงราย นำโดยคุณสุพจน์ หลี่จา และคุณสุนีพร หลี่จา หรือคุณชิโอะ จะพาให้หลงรักเสน่ห์ชาวกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู ซึ่งให้ความสำคัญเรื่องการรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่น การเกื้อกูลกันของสิ่งแวดล้อม การใช้อาหารเป็นยา และการเกษตรนำไปสู่การทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม สุขภาพ สร้างรายได้เพิ่มจากการแปรรูปสินค้า และเป็นตัวอย่างการเรียนรู้ให้กับชุมชน นอกจากนี้ยังจัดตั้งสมาคมสร้างเสริมสุขภาวะชุมชนชาติพันธุ์ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารเริ่มต้นจากการเก็บเมล็ดพันธุ์พื้นเมืองต่างๆ และส่งเสริมองค์ความรู้อีกด้วย ทางสวนฉันกับเธอปลูกพืชผสมผสานทั้งข้าวพันธุ์พื้นเมือง พืชผัก พืชหัว เช่น บุก มัน เผือก และโกโก้ เป็นต้น จากจุดเริ่มต้นไฟไหม้สวนกาแฟทำให้คุณสุพจน์และคุณสุนีพร หันมาทดลองปลูกโกโก้แทน ควบคู่กับการเรียนรู้ในการบำรุง ดูแล การเก็บเกี่ยว กระบวนการหมัก และเรียนรู้การแปรรูปโกโก้ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยมีแนวคิดการใช้อุปกรณ์ครัวง่ายๆ แปรรูปก่อนเพื่อสร้างการเรียนรู้และถ่ายทอดให้กับเกษตรกรรายย่อยสามารถทำเองได้ นอกจากนี้หากใครชื่นชอบบรรยากาศสามารถพักค้างคืนกับเจ้าของสวน หรือกางเต็นท์ได้ โดยมีกิจกรรมยามเย็นรอบกองไฟ ร้องเล่นเต้นรำ ตำข้าวปุก ชมหิ่งห้อยริมลำธาร กิจกรรมที่น่าสนใจ1. เรียนรู้เรื่องการเกื้อกูลอาศัยกับธรรมชาติ ภูมิปัญญาทางด้านอาหารพื้นถิ่น 2. วัฒนธรรมอาหารลีซู การกินอาหารเป็นยา3. เรียนรู้การแปรรูปโกโก้จากต้น สู่ช็อกโกแลตในบาร์ ทดลองทำด้วยตนเอง แปลงปลูกพืชหัว กับทิวทัศน์การทำเกษตรรอบข้าง ศาลาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทางชันขึ้นเขาดูการจัดการสวนโกโก้ และการอยู่ร่วมกันของธรรมชาติ สวนฉันกับเธอคาเฟ่ สะพานไม้ไผ่จากแรงใจชาวบ้านในชุมชน
MOU-Krabi Zero Ghost Net
กระบี่ เป็นจังหวัดที่อาชีพเกษตรและประมงช่วยสร้างรายได้สูง ด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรทางทะเลและการเติบโตด้านการท่องเที่ยว จึงมีการเติบโตของจำนวนผู้ประกอบอาชีพประมงอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรทางธรรมชาติจากการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะขยะตกค้าง จากแห อวน และอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำประมงที่มีอายุในการใช้งานไม่นานนัก และไม่ได้จัดการอย่างเหมาะสมในพื้นที่ชายฝั่ง และในทะเล ซึ่งส่งผลต่อทัศนียภาพ เป็นอันตรายต่อสัตว์ทะเล มูลนิธิกระบี่ยั่งยืน เล็งเห็นถึงการลดปริมาณขยะสามารถบริหารจัดการได้จากต้นทางหรือบนชายฝั่ง โดยการลดปริมาณการเกิดขยะพลาสติกประเภทแหอวนในทะเลกระบี่ โดยการจัดการจากต้นทางผ่านการรับซื้อในรูปแบบธนาคารขยะ โดยนำทรัพยากรจากขยะส่งต่อให้ผู้รับซื้อ (Supplier) ที่ให้ความสำคัญในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านโครงการทะเลปลอด (เศษ) อวน (Net Free Seas) ดำเนินการโดยมูลนิธิ EJF และให้ราคาที่เป็นธรรมเพื่อดึงดูดการนำส่งขยะแหอวน และเข้ากองทุนชุมชนเพื่อให้ชุมชนสามารถบริหารจัดการธนาคารได้ด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน รวมถึงการส่งต่อให้ผู้ผลิตเพื่อแปรรูปหรือพัฒนาเป็นสินค้าใหม่ ตามแนวทางการขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและสิ่งแวดล้อม TOCA ร่วมกับมูลนิธิกระบี่ยั่งยืน วิสาหกิจชุมชนเลี้ยงผึ้งบ้านไหนหนัง มูลนิธิความยุติธรรมเชิงสิ่งแวดล้อม ลงนามข้อตกลงร่วม MOU ในการดำเนินงานเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2565 ณ โรงแรมกระบี่รีสอร์ท โดย TOCA จะใช้เครื่องมือ Waste Management System ในการบันทึกข้อมูลขยะจากการทำประมง เช่น แห อวนเก่า รวมถึงการจัดการขยะต่อเพื่อสะท้อนถึงการดำเนินงานนี้สามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอน ฟุตปริ้น ช่วยสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นได้
Coco Valley Resort จ.น่าน
นึกถึงช็อกโกแลต จังหวัดน่าน ต้องนึกถึง Coco Valley Resort ซึ่งมุ่งมั่นรักษาและส่งต่อความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ ผ่านผลผลิตโกโก้อินทรีย์ ตั้งแต่การปลูก ดูแล เก็บผลผลิต หมัก ตาก และการแปรรูปเมล็ดโกโก้เป็นช็อกโกแลต 100% นำไปสู่การเปิดร้าน Cocoa Valley Cafe’ ซึ่งมีเมนูเครื่องดื่ม ของหวานจากช็อกโกแลตมากมายให้เลือกซื้อ เลือกลิ้มลอง Coco Valley ยังช่วยชาวบ้านผู้ปลูกโกโก้ ด้านความรู้การปลูกและดูแลตามมาตรฐานอินทรีย์วิถีไทย Earth Safe และเป็นแหล่งรับซื้อผลผลิตเพื่อนำมาแปรรูปต่อไป ซึ่งคุณจารุวรรณ จิณเสน เจ้าของกิจการเล็งเห็นโอกาสเติบโตของอุตสาหกรรมช็อกโกแลตซึ่งมีผลตอบรับที่ดีส่งผลให้เกิดการขยายพื้นที่การให้บริการคาเฟ่กว้างมากขึ้น ทั้งนี้สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA) และคณะผู้บริหารการท่องเที่ยวไทย (ททท.) ด้านนโยบายและแผน พร้อมด้วยททท.สำนักงานน่าน เข้าพบเพื่อนำเสนอและหารือการขับเคลื่อนงานในจังหวัดน่าน เพื่อร้อยห่วงโซ่อาหารอินทรีย์ส่งต่อสู่ผู้บริโภคหรือนักท่องเที่ยวได้ โดยใช้เครื่องมือ TOCA Platform โดยคุณจารุวรรณให้ความสนใจและพร้อมที่จะเรียนรู้ร่วมดำเนินงานต่อ ซึ่งจะมีการนัดหมายสำรวจพื้นที่เพื่อเข้าใจบริบทการบริหารกลุ่มเกษตรกรในการออกแบบใช้งานแพลตฟอร์ม
การดำเนินงานพื้นที่จ.น่าน
TOCA ขยายการดำเนินงานขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์ในพื้นที่จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2565 โดยประสาน Local Facilitator กลุ่มกิจการเพื่อสังคมไร้ควัน (Haze Free Social Enterprise Group: Haze Free SE) ดำเนินงานครอบคลุมพื้นที่จังหวัดน่าน และเชียงใหม่ ร่วมกับเครือข่ายเกษตรกรที่สนใจการปรับเปลี่ยนเป็นวิถีการเกษตรใหม่โดยการใช้ระบบการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม (Participatory Guarantee System: PGS) เป็นเครื่องมือที่ใช้ส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกรรายย่อยและสร้างระบบการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ที่สร้างระบบการตลาดที่มั่นคง รวมถึงการพัฒนาศักยภาพและความสามารถของเกษตรในระบบเกษตรอินทรีย์อย่างถูกต้องซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันให้แก่เกษตรกรตลอดห่วงโซ่การผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ ซึ่ง TOCA เล็งเห็นศักยภาพในการดำเนินงานความต่อเนื่องพัฒนาศักยภาพเกษตรกร ขยายช่องทางตลาดผ่าน TOCA Platform และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ ผู้บริโภคด้วยระบบการรับรองแบบมีส่วนร่วม พีจีเอส จากการหารือทาง Haze Free SE จะวางแผนการดำเนินงานต่อไป
ร่วมเสวนา อนาคตท่องเที่ยวไทย
สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA) โดยคุณอรุษ นวราช นายกสมาคมฯ ร่วมการเสวนาในหัวข้อ “Co-creation in Tourism Ecosystem” ร่วมกับคุณน้ำฝน บุณยะวัฒน์ รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และคุณปริวรรต วงษ์สำราญ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 ททท. จัดงานเสวนา อนาคตท่องเที่ยวไทย (Strategic Leader Talk) ในฐานะ Strategic Leader ผู้ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวคุณภาพอย่างยั่งยืน ตามแผนวิสาหกิจ ททท. พ.ศ. 2566-2570 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงานเสวนาออนไลน์“อนาคตท่องเที่ยวไทย (Strategic Leader Talk)” ภายใต้หัวข้อ “TOURISM ONWARD : Moving Together” เพื่อสื่อสารทิศทางของแผน วิสาหกิจ ททท. พ.ศ.2566-2670 และสร้างความเข้าใจอันดีร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว น าสู่ความส าเร็จตามวิสัยทัศน์ของ ททท. ในฐานะ Strategic Leader มุ่งสร้างการท่องเที่ยวคุณภาพอย่างยั่งยืน ยกระดับองค์กรสู่องค์กรสมรรถนะสูง ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 เวลา 13.30 – 16.00 น. ทางโปรแกรม Zoom และ Youtube : Amazing Thailand นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. ได้ศึกษาถอดบทเรียนและระดมความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายใต้แนวทางการบริหารความเสี่ยงในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และจัดท าแผนวิสาหกิจ ททท. พ.ศ. 2566-2570 หรือแผนยุทธศาสตร์ระยะ 5 ปี เพื่อเป็นกรอบ ในการด าเนินงานขององค์กร ทั้งในด้านการตลาดการท่องเที่ยวและการบริหารจัดการองค์กรให้สอดรับกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Economy Model และ Happy Model ของรัฐบาล และความท้าทายด้านเศรษฐกิจและสังคมที่เพิ่มขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ในการนี้ เพื่อเป็นการสื่อสารทิศทางตามแผนวิสาหกิจฯ และสร้างการมีส่วนร่วมผลักดันสู่ความส าเร็จตามวิสัยทัศน์ระหว่าง ททท. และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งภายนอกและภายในองค์กร ททท. จึงก าหนดจัดงานเสวนา “อนาคตท่องเที่ยวไทย (Strategic Leader Talk)” ภายใต้หัวข้อ “TOURISM ONWARD : Moving Together” ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 เวลา 13.30 -16.00 น. รับชมผ่านทางโปรแกรม Zoom และ Youtube : Amazing Thailand ฉายภาพทิศทางการด าเนินงานในปี 2566-2570 เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยในอนาคตให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตามแผนวิสาหกิจ ททท. พ.ศ. 2566-2570 ซึ่งประกอบด้วย 3 ช่วงสนทนา ได้แก่ The Trendsetter พบกับนายกล้า ตั้งสุวรรณ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวซ์ไซท์ ประเทศไทย จ ากัด พาเรียนรู้ทิศทางและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกสร้างความเข้าใจและสร้างโอกาสเป็นผู้น าเทรนด์, The Future of Tourism พบกับนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการททท. ที่จะมาสะท้อนอนาคตท่องเที่ยวไทยและทิศทางการด าเนินงานของ ททท. ในฐานะ Strategic Leader และช่วงสุดท้าย Panel Discussion : Co-creation in Tourism Ecosystem นางน้ าฝน บุณยะวัฒน์ รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน ททท., นายอรุษ นวราช นายกสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA) กรรมการผู้จัดการ สวนสามพราน และนายปริวรรต วงษ์ส าราญ ผู้อ านวยการฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการนวัตกรรม (NIA) จะร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นมุมมองใหม่ในด้านการท่องเที่ยว เพื่อร่วมกันส่งมอบประสบการณ์ทรงคุณค่าแก่นักท่องเที่ยวในมุมมองของผู้เกี่ยวข้องกับ Tourism Ecosystem สำหรับการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยภายใต้แผนวิสาหกิจ ททท. พ.ศ. 2566-2570 ททท.จะเดินหน้าในฐานะ Strategic Leader “ททท. เป็นผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยในการสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่าและมุ่งสู่ความยั่งยืน” ทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม สะท้อนทิศทางและเป้าหมายการท่องเที่ยวไทย มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดย ททท. ได้กำหนดวัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์สำคัญ (Strategic Objective) ประกอบด้วย SO1 Drive Demand: มุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน SO2 Shape Supply: สร้างคุณค่าและยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และ SO3 Thrive for Excellence: ยกระดับองค์กรสู่องค์กรสมรรถนะสูง เน้นดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพผ่านการสร้าง เรื่องราวเพื่อส่งมอบคุณค่าประสบการณ์เหนือระดับ (Storytelling and Experience-based) ผลักดันให้ผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพิ่มมูลค่าการใช้จ่ายผ่านการยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ร่วมกันขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านการท่องเที่ยว (Tourism
สสปน. ร่วมหารือการดำเนินงาน
คุณอรุษ นวราช นายกสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA) ร่วมกับคุณศุภาดา ชัยวงษ์ ผู้แทนตลาด สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคเหนือ หารือแนวทางความร่วมมือในการส่งเสริม ecosystem ของเกษตรอินทรีย์ในอุตสาหกรรมไมซ์ วัตถุประสงค์ของ TOCA เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรทำเกษตรอินทรีย์เพื่อความปลอดภัยในการบริโภค ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว โดยสมาคมจะทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมโยงระหว่างเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือและความวางใจในสินค้าอินทรีย์ และยังเป็นช่องทางตลาดของเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ ด้วยเครื่องมือ TOCA Platform ซึ่งจะช่วยยกระดับความสามารถในการผลิตของเกษตรกรอินทรีย์ให้สามารถผลิตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการทำให้เกษตรกรเห็นภาพการผลิตเพื่อธุรกิจได้ชัดเจนขึ้น และยังทำให้ผู้บริโภคได้ทราบถึงแหล่งที่มาของผลผลิตอินทรีย์เพื่อความเชื่อมั่นในการบริโภค ทั้งด้านของ demand และ supply โดยมีข้อมูลของเกษตรกรที่ทำการผลิตแบบอินทรีย์เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับทราบถึงแหล่งที่มาของผลผลิตต่างๆ มีการบันทึกข้อมูลโดยเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรวบรวมข้อมูลของผู้ประกอบการร้านอาหารที่จำหน่ายสินค้าจากวัตถุดิบอินทรีย์ รายละเอียดสินค้า ราคา สัดส่วนของการใช้วัตถุดิบอินทรีย์ ตลอดจนสามารถสืบย้อนถึงแหล่งซื้อวัตถุดิบ โดยผู้บริโภคสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นนี้ได้ฟรีเพื่อเปิดบัญชีผู้ใช้งานบนแอพพลิเคชั่นและสะสมคะแนน Earth Points จากการบริโภคสินค้าอินทรีย์ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อจากเกษตรกรโดยตรง หรือใช้บริการร้านอาหารและสถานประกอบการที่อยู่บนแพล็ตฟอร์ม โดยทุก ๆ 25 บาทของการซื้อสินค้าอินทรีย์จะได้รับ Earth Points = 1 คะแนน ความสำคัญของ Earth Points TOCA ได้พูดคุยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐหลาย ๆ หน่วยงานเพื่อให้ Earth Points เป็นดัชนีชี้วัดกลางเพื่อสะท้อนกิจกรรมด้าน Sustainability ของผู้บริโภคหรือองค์กรต่าง ๆ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติ SDG ที่หลาย ๆ องค์กรให้ความสำคัญในปัจจุบัน ในส่วนของ สสปน. เห็นชอบและอยู่ระหว่างการวางแนวทางทำงานร่วมกันต่อไป นอกจากนี้ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการเชื่อมโยงฝั่งผู้ประกอบการร้านอาหารว่า ทางสสปน. ภาคเหนือ เคยทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างร้านอาหาร Good View All Day กับสหกรณ์เกษตรอินทรีย์จังหวัดเชียงใหม่เมื่อต้นปี 2564 ซึ่งขณะนั้น ทางร้านอาหาร Good View มีความต้องการจะทำเมนูอาหารอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง แต่ประสบปัญหาคือขาดวัตถุดิบที่จะป้อนให้ตามความต้องการ หากจะผลิตเองก็ขาดบุคลากรและความรู้ความชำนาญในการผลิต จึงเสนอแก่สหกรณ์เกษตรอินทรีย์ว่าหากมีเกษตรกรรายใดที่ขาดพื้นที่การผลิตต้องการผลิตเกษตรอินทรีย์ ทางร้านยินดีสนับสนุนให้พื้นที่ผลิตฟรี และจะรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรรายนั้น ๆ อย่างต่อเนื่องด้วย ในระหว่างการดำเนินงานเพื่อคัดสรรหาเกษตรกรที่สนใจ ได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เสียก่อนจึงไม่ได้มีการดำเนินงานต่อเนื่อง ซึ่งกรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของฝั่ง demand และ supply ที่ยังไม่ตอบสนองซึ่งกันและกัน เป็นโจทย์งานสำหรับ TOCA จะสร้างสมดุลในจุดนี้ได้อย่างไร โดยสสปน. เสนอ TOCA ได้มีโอกาสนำเสนอการดำเนินงานให้กับหน่วยงานภาคเอกชนที่มีเครือข่ายผู้ประกอบการในภาคธุรกิจ ได้แก่ หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ สมาคมภัตตาคาร ร้านอาหารและสถานบันเทิง สมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นระหว่างกัน รวมทั้งสร้างโอกาสในความเชื่อมโยงทางธุรกิจต่อไป โดยนัดหมายการประชุมผ่านช่องทางซูมออนไลน์ ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565
ขึ้นเหนือเตรียม Organic Tourism#1
การท่องเที่ยวเป็นกิจกรรมหนึ่งที่หลายๆ คนปรารถนาในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ซึ่งการท่องเที่ยวสามารถนำพาความสุข แรงบันดาลใจ ถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรม และการรักษาสิ่งแวดล้อม สุขภาพได้อย่างดี เช่นเดียวกับกิจกรรม Organic Tourism ซึ่งเรียงร้อยวิถีอินทรีย์ การเพาะปลูก อาหารการกิน ศิลปวัฒนธรรม นำเสนอให้นักท่องเที่ยว ผู้บริโภคได้เรียนรู้ สร้างคุณค่าทางการตลาดให้เกษตรกร รวมถึงผู้ประกอบการที่ต้องการผลผลิตอินทรีย์สามารถเข้าถึงแหล่งผลิตที่เชื่อมั่นได้ TOCA ร่วมสร้างสรรค์กิจกรรมท่องเที่ยว ณ สวนผักดอยโอเค Farm Stay อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2565 โดยคุณธีรพงศ์ ทาหล้า เจ้าของสวนกล่าว “ทำเกษตรแล้วมีตลาด นั่นคือธุรกิจ” เป็นจุดเริ่มต้นสู่การทำเกษตรอินทรีย์ ซึ่งควบตำแหน่งนักวิชาการส่งเสริมการเกษตร สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ด้วย บอกเล่าถึงเส้นทางจากการทำเกษตรปลอดภัย ยกระดับสู่เกษตรอินทรีย์มาตรฐาน Organic Thailand เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับสมาชิกเกษตรกรในกลุ่ม พร้อมส่งเสริมความรู้ การบริหารจัดการแปลงให้ได้มาตรฐาน และผลักดันช่องทางการตลาดสร้างแรงจูงใจในการพัฒนากลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ ผักกะดอย จากการทำเกษตรปลูกพืชผักตามแนวทางหลักปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) ให้เข้าสู่วิถีอินทรีย์เช่นกัน พร้อมทั้งร่วมกับสมาชิกในชุมชนพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพื่อให้นักท่องเที่ยว ผู้บริโภคได้เข้าถึงและเข้าใจวิถีเกษตรอินทรีย์ ความน่าสนใจของกิจกรรม1. สร้างความเข้าใจให้กับนักท่องเที่ยว หรือผู้เข้าศึกษาดูงานให้เข้าใจถึงการบริหารจัดการฟาร์มที่ทำเกษตร 2 ระบบ จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นในผลผลิตอินทรีย์ได้อย่างไร – แบ่งสัดส่วนพื้นที่ทำเกษตรอินทรีย์โดยมีระยะห่างชัดเจน Buffer zone – ชนิดพืชที่ปลูกคนละชนิดโดยมีการแสดงชนิดพืชที่ยื่นขออินทรีย์ชัดเจน – อุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บเกี่ยว การแพ็คแยกกันชัดเจน2. วัฒนธรรมด้านภาษา การแต่งกาย อาหารของชาวลัวะ ซึ่งถ่ายทอดผสมผสานระหว่างการทำกิจกรรม
Farm Visit สวนเพชรการ์เด้น อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
ทีม TOCA มีโอกาสได้เยี่ยมชมสวนเพชรการ์เด้น ณ The Garden นำโดยคุณสันติ สุวัณณาคาร ซึ่งมีความสนใจเกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์ และดำเนินการทำเกษตรแบบธรรมชาติไม่ใช้สารเคมี ยึดมั่นแนวทางเศรฐกิจพอเพียงสัมพันธ์กับการทำเกษตรในฟาร์ม เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวการทำเกษตรอินทรีย์และการบริหารจัดการของฟาร์ม สำหรับพัฒนาเป็นสถานที่จัดกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการทำเกษตรอินทรีย์ได้ การเยี่ยมชมครั้งนี้ได้แลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกระบวนการทำอินทรีย์ รวมถึงรูปแบบระบบการรับรองแบบมีส่วนร่วม พีจีเอสของเครือข่าย PGS Organic Phuket ซึ่งสวนเพชรการ์เด้นค่อนข้างมีความพร้อมกับกระบวนการทำเกษตรอินทรีย์ เนื่องจากมีความรู้ความเข้าใจอยู่มากและเห็นถึงความสำคัญของวิถีอินทรีย์ ห่วงโซ่อาหารที่ปลอดภัยของสังคม จนไปถึงมีความต้องการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจการทำเกษตรอินทรีย์วิถีธรรมชาติให้กับคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวได้รับรู้และร่วมเห็นความสำคัญของการบริโภคอาหารที่ปลอดภัยกับตนเองและคนในสังคม โดยมีแผนจัดการพื้นที่บางส่วนสำหรับเป็นจุดกิจกรรมเรียนรู้สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้ามาเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์ที่ฟาร์มรวมถึงวัฒนธรรมของภูเก็ตผ่านมิวเซียมใน The Garden ได้อีกด้วย จากความตั้งใจของคุณสันติที่พร้อมเริ่มกระบวนการทำเกษตรอินทรีย์นั้นสามารถเป็นต้นแบบให้กับสมาชิกเครือข่ายเพื่อเข้ามาศึกษาเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
ประชุมกรรมการเครือข่าย PGS Organic Phuket
จากการทำงานเชื่อมผู้ประกอบการ ผู้บริโภคซื้อสินค้าอินทรีย์จากเกษตรกรอินทรีย์ ผ่าน TOCA Platform จึงเกิดการประชุมร่วมกับกรรมการเครือข่าย PGS Organic Phuket และอาจารย์กิตติศักดิ์ จิตต์เกื้อ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 ในการร่วมวางแผนโครงสร้างบริหารจัดการเครือข่าย การวางแนวทางการขับเคลื่อนและการเตรียมแผนเรื่องการอบรมผู้ตรวจแปลง ความเข้าใจเรื่องการปรับเปลี่ยนมาทำเกษตรอินทรีย์ และการใช้งาน TOCA Platform โดยมีการแลกเปลี่ยนประสบการณืทำงานการขับเคลื่อนกลุ่มพีจีเอสสามพรานโมเดล ซึ่งสามารถใช้เป็นบทเรียนในการวางแผนได้ พร้อมแนะนำมุมมองด้านการตลาดของการขับเคลื่อนแบบรวมกลุ่ม และแนะนำการวางแผนขับเคลื่อนเครือข่ายด้วยพื้นฐานของเกษตรอินทรีย์ ซึ่งพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีจำนวนผู้ประกอบการหรือตลาดรองรับสินค้าอินทรีย์อยู่เป็นจำนวนมาก การขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ของเครือข่ายสามารถทำได้ทั้งแนวทางการรวมตัวหรือการขายรายเดี่ยวเพียงแค่มีความโปร่งใส ความเชื่อมั่นของสินค้าให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคเชื่อมั่นในสินค้าเราได้ การทำ Branding ของกลุ่มการทำให้ PGS ของเครือข่ายเข้มแข็ง โปร่งใส และเชื่อมั่นได้ คือใจความสำคัญของการทำ Branding การทำเกษตรอินทรีย์ตามแนวทางของข้อกำหนด PGS อย่างถูกต้องจะสร้างผลดีให้กับเกษตรกรและพื้นที่ได้ และเป็นเครื่องมือหนึ่งที่การันตีความเป็นอินทรีย์ให้กับสินค้าและทำให้เครือข่ายเกิดความเข้มแข็งได้ คณะกรรมการมีความเห็นพร้อมกันถึงการวางโครงสร้างการบริหารจัดการเครือข่ายให้เป็นแบบแผน เพื่อทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกันและยั่งยืน และเห็นว่า TOCA Platform จะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่เอื้อประโยชน์ต่อการบันทึกกิจกรรมฟาร์มสำหรับการเริ่มต้นทำเกษตรอินทรีย์ของเครือข่าย สามารถเรียกดูรายงานกิจกรรมออนไลน์ได้ ตรวจสอบย้อนกลับข้อมูลที่ทำการบันทึกได้ รวมถึงยังเป็นช่องทางการตลาดของเครือข่ายในการเชื่อมผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้อีกด้วย คณะกรรมการจะนัดหมายเพื่อวางแผนโครงสร้างร่วมกันอีกครั้งเพื่อชี้แจงและขอความเห็นกับสมาชิกส่วนใหญ่อีกครั้ง